สรุปข้อมูล "iPhone 12" ทุกรุ่นหลังจบงาน "Apple Event 2020" มีอะไรเด็ดๆ บ้าง ? มาดูกัน
สรุปข้อมูล "iPhone 12" ทุกรุ่นหลังจบงาน "Apple Event 2020" มีอะไรเด็ดๆ บ้าง ? มาดูกัน
สำหรับในเรื่องราวที่ผ่านมา iPhone เป็นมือถือที่ขายดีและได้รับความนิยมเพราะว่ามี Application มากมายและได้รับความน่าเชื่อถือและ ปลอดภัย สำหรับในรุ่นนี้การเปลี่ยนแปลงกับรุ่นใหม่รองรับเทคโนโลยี 5G ที่ตอบสนองการความเร็วสูง
iPhone 12
iPhone 12 ตัวแรกที่เปิดตัวรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอที่มีขนาด 6.1 นิ้วมีค่า Contrast 2,000,000 : 1 หน้าจอสวยและความละเอียดมากกว่า iPhone 11 รองรับ Dolby Vision และกระจกเป็นแบบ Ceramic Shield แข็งแรงกว่าเดิม 4 เท่า ตัวเครื่องบางลง 11%, เบาขึ้น 16% และ เล็กลง 15% เมื่อเทียบกับ iPhone 11
iPhone 12
iPhone 12
แน่นอนว่าครั้งนี้มากับเทคโนโลยี 5G ความโดดเด่นอยู่ที่เสาอากาศ และมี Smart Data Mode ปรับเปลี่ยนการใช้งานระหว่าง 4G และ 5G ได้เหมาะสมทั้งการจับสัญญาณ, พลังงานของเครื่องให้เหมาะสม ณ เวลานั้นให้ความเร็วสูงสุด 3.5 Gbps แบบ Sub-6 และ รองรับ 5G แบบ mmWave ที่ให้คุณภาพดีระดับ 4Gbps (คาดว่าเฉพาะในสหรัฐฯ เท่านั้น)
ด้านประสิทธิภาพของ iPhone 12 จะมาพร้อมกับ CPU Apple A14 และมาพร้อมกับขนาด 5 นาโนเมตรที่เร็วกว่าเดิม 50% ทั้ง CPU GPU พร้อม Neural Engine ที่มีขนาด 16 Core รายละเอียดสามารถอ่านต่อได้ที่บทความนี้ ทั้งหมดนี้ส่งผลให้การเล่นเกมของมือถือรุ่นนี้ทำได้ดี
iPhone 12
กล้องหลังจะเปลี่ยนแปลงที่กล้องตัวหลักจะเพิ่มรูรับแสงให้กว้างขึ้นถึง f1.6 ทำให้ถ่ายภาพกลางคืนได้ดีและมีการเก็บรายละเอียดภาพที่ดีขึ้น และมีการเก็บรับละเอียดได้มากขึ้น Night Mode จะดีขึ้นและสามารถถ่ายภาพ ออกมาสวยแม้จะถ่าย Selfie
วิดีโอของ iPhone 12 จะเพิ่มคุณภาพที่ดีขึ้นกับ Night Mode Time-Lapse เพราะรูรับแสงจับได้กว้างมากขึ้นทำให้การเก็บรายละเอียดภาพกลางคืนได้ดีมากกว่าเดิม
iPhone 12
iPhone 12
iPhone 12
Wireless Charging มีการฟีเจอร์ MagSafe จะทำให้การชาร์จไฟไร้สายมีปัญหาน้อยลงและทำให้การออกแบบเคสจะมีแม่เหล็กฝั่งภายในแต่ไม่มีผลการทำงานอื่นๆ ด้วยเช่นเดียวกัน แถมยังรองรับเกี่ยวกับนำไป Recycle สุดๆ และจึงทำให้ในกล่องของ iPhone 12 ทุกรุ่นจะมีการไม่ได้ให้ปลั๊กชาร์จไฟ (Adaptor) และหูฟังอีกต่อไป ทำให้กล่องจะบางลง ลดการเกิด Carbon ได้อีก แต่ที่แถมยังคงเป็น USB-C To Lightning Port เช่นเคย
iPhone 12
ส่วน iPhone 12 Mini คือ iPhone 12 ย่อส่วนทุกสิ่งที่ iPhone 12 มีไอ้ตัวนี้มีหมด รวมถึงการกันน้ำและ MagSafe แบบไม่ต้องเดานะ
iPhone 12 Mini
ราคาเริ่มต้นกับ iPhone 12 Mini ที่ 699 ดอลล่าร์ หรือประมาณ 21,xxx บาท และ iPhone 12 จะอยู่ที่ 799 ดอลล่าร์ หรือประมาณ 24,xxx บาท และแยกย่อยจากประมาณการมีดังนี้
ทั้งนี้จะเริ่มวางจำหน่าย 16 พฤศจิกายน ในบางประเทศ และ 3 พฤศจิกายน จะเริ่มเปิดจองเช่นเดียวกัน ทั้งนี้สำหรับประเทศไทยต้องรอประกาศอีกครั้ง อันนี้คือราคาที่สำรวจจากทางเว็บไซต์ Apple.com ในประเทศสหรัฐอเมริกา
iPhone 12 Pro
และมาถึงพระเอก iPhone 12 Pro ที่มีการออกแบบด้วยขอบที่เป็นแบบสวยงามอย่างแท้จริง เพราะขอบจะปัดเงากว่า iPhone 12 และมาพร้อมกับขนาดที่ใหญ่กว่า iPhone 11 ทั้งหมด (iPhone 12 Pro หน้าจอ 6.1 นิ้ว และ iPhone 12 Pro Max จะมีขนาดหน้าจอ 6.7 นิ้ว) เท่ากับฟิล์มเดิมของ iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ใช้ไม่ได้แล้วนะครับ แต่หน้าจอนั้นให้ความสวยงาม, ละเอียดขึ้น แสดงผลได้ดีขึ้นอีกด้วย
iPhone 12 Pro
iPhone 12 Pro
สีสันของ iPhone 12 Pro / 12 Pro Max ประกอบด้วย Silver, Graphite, Gold, Pacific Blue และมีแม่เหล็กด้านหลัง MagSafe เช่นเดียวกับรุ่นเล็กที่นำเสนอไปก่อนหน้านี้
ชิปนั้นมาพร้อมกับ Apple A14 แต่มีการเพิ่ม ISP หรือ Image Signal Processor ช่วยประมวลผลการถ่ายภาพได้ดีขึ้น (ส่วนนี้ iPhone 12 ก็มี) แต่ที่แตกต่ากับ iPhone 12 ชัดเจนคือ LiDAR ที่เติมเข้ามา เป็นจุดสีดำใต้ Flash
iPhone 12 Pro
แต่ถ้าเป็น iPhone 12 Pro Max จะมาพร้อมเปลี่ยนกล้องตัว Telephoto ให้ซูมได้ 5 เท่า แม้ว่าจะน้อยลงแต่มีการเพิ่มระบบป้องกันภาพสั่นไหวทั้งกล้องและเซนเซอร์ให้เซนเซอร์มีการขยับได้ ส่งผลให้การถ่ายภาพได้สวยมากขึ้น
iPhone 12 Pro / 12 Pro Max จะเพิ่มฟีเจอร์บันทึกแบบ ApplePro RAW ที่สามารถเก็บรายละเอียดภาพได้ดี แต่ว่าการซูมของกล้องวิดีโอ รุ่น Pro Max จะทำได้ดีกว่า
iPhone 12 Pro / 12 Pro Max
iPhone 12 Pro / 12 Pro Max
เริ่มเปิดจอง 16 ตุลาคม และวางจำหน่าย 23 ตุลาคม ส่วน iPhone 12 และ iPhone 12 Mini จะเริ่มเปิดจองใน 6 พฤศจิกายน และ วางจำหน่าย 16 พฤศจิกายน ทั้งนี้สำหรับประเทศไทยต้องรอประกาศอีกครั้ง อันนี้คือราคาที่สำรวจจากทางเว็บไซต์ Apple.com ในประเทศสหรัฐอเมริกา
Home Pods Mini
HomePods Mini เป็นลำโพงที่มีขนาดเล็กมีลำโพงทั้ง 3 ตัวทำให้เสียงออกมาได้ลงตัว และมีการควบคุมด้วยชิป S5 ทำให้สามารถให้เสียงที่ออกมาลงตัวและควบคุมเสียงให้เหมาะสม แถมยังสามารถทำงานคู่กันแบบ Stereo เมื่ออยู่ใกล้กัน ถ้า iPhone อยู่ใกล้ จะเร่งเสียงอัตโนมัติ และหากนำ iPhone ห่างออกเสียงลำโพงจะเบาลงเอง และยังเชื่อมต่อทั้ง Siri และยังมีการเชื่อมต่อกับโปรแกรมฟังเพลงได้มากมาย
Home Pods Mini
และ Siri จะมีการอัปเดตให้รองรับการเชื่อมต่อทั้งการโทรออก, อ่าน หรือ ส่งข้อความ, และเรื่องราวต่างๆ ที่ต้องทำในตัวเดียว และสามารถรองรับการสั่งงานกับ คนในบ้านได้เลย และยังสามารถทำงานกับ HomeKIT กับอุปกรณ์ IoT ทั้งการสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบ Internet Of Thing และทำแบบ Scene เช่นตื่นเช้าให้ทำอะไร และรวมถึง Intercom พูดไปหาลำโพง หรือ, Apple Car Play, iPad, iPhone และ HomePods เป็นต้น
Home Pods Mini
ยังมาพร้อมกับความปลอดภัย รองรับการความปลอดภัยมากมาย มาพร้อมกับราคาที่จับต้องที่ 99 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราวๆ 3,300 บาท